รับฟัง ช่วยเหลือ ไม่ทอดทิ้ง กับองค์กรแห่งความรัก กับบริษัท เจเอส อุตสาหกรรม จำกัดสู่การจ้างงานพนักงานสูงอายุอย่างเป็นระบบ

บริษัท เจ.เอช.อุตสาหกรรม จำกัด ก่อตั้งขึ้น พ.ศ. 2539 ณ ตำบลโคกสูง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกระสอบพลาสติกทอสานและกระสอบเคลือบลามิเนต ลูกค้าหลักได้แก่โรงสีข้าว โรงงานน้ำตาล โรงงานอาหารสัตว์ โรงงานแป้งหมักขนมจีน โรงงานแป้งมันสำปะหลัง เป็นต้น มีลูกค้าประมาณ 300 ราย ครอบคลุมกว่า 40 จังหวัด บริษัทดำเนินกิจการโดย คุณวิบูลย์และคุณวิภาภรณ์ เกียรติอำนวย จากจุดเริ่มต้นที่มีเครื่องจักร 12 เครื่องมีกำลังการผลิตเพียง 600,000 ใบต่อเดือน ต่อมาบริษัทฯ ได้พัฒนาปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ทันสมัยยิ่งขึ้นและขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีเครื่องจักร 93 เครื่อง มีกำลังการผลิต 3.5 ล้านใบต่อเดือน และได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001

d

บริษัท เจ.เอช.อุตสาหกรรม จำกัด มีวัฒนธรรมการบริหารจัดการแบบครอบครัว และมุ่งเน้นให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยแนวคิดนี้จึงส่งผลต่อการจ้างงานของผู้สูงอายุ คือแม้ว่าจะกำหนดให้พนักงานเกษียณอายุ 55 ปี แต่ก็ยืดหยุ่นตามความประสงค์และสุขภาพของพนักงาน นอกจากนี้บริษัทยังมีความโดดเด่นในการส่งเสริมให้พนักงานมีเงินออม และส่งเสริมให้พนักงานมีความสุขด้วยการนำธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย

ด้านการบริหารงานบุคคล มุ่งเน้นการพัฒนาให้เป็นองค์กรแห่งความสุข (Happy Workplace)โดยให้ความสำคัญต่อการสร้างสุขด้วยสติในการทำงาน หรือ Mindfulness in Organization เป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า (Customer Relationship Management) และมุ่งเน้นกิจกรรม ส่งเสริม สนับสนุน ช่วยเหลือชุมชน/สังคม ตลอดจนอนุรักษ์ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี บริษัทยังมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักรและศักยภาพของมนุษย์ ภายใต้หลักคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้เกิดความเจริญเติบโตและความมั่นคงอย่างยั่งยืนตลอดไปบริษัท เจ.เอช.อุตสาหกรรม จำกัด ก่อตั้งมาแล้ว 20 ปี ปัจจุบันมีพนักงาน 225 คน โดยพนักงานมีอายุเฉลี่ย 35 ปี พนักงานที่มีอายุน้อยที่สุดคือ 18ปี และมากที่สุด 60ปี ทั้งนี้มีพนักงานที่มีอายุมากกว่าระหว่าง50- 60ปีจำนวน 16 คน ปี พ.ศ. 2557 อัตราการเข้าออกของพนักงานเท่ากับ 7.06 แต่ พ.ศ. 2558 ลงลงเหลือ 5.53

e

ดร.วิภาภรณ์ เกียรติอำนวย ผู้บริหารของบริษัทเจ.เอช.อุตสาหกรรม จำกัด กล่าวถึงแนวทางในการดูแลพนักงานของบริษัทว่า การดูแลพนักงานของบริษัทเรานั้นเราจะดูแลกันอย่างใกล้ชิด ให้ความเป็นกันเองกับพนักงาน เช่น รับฟังและเดินเข้าไปเยี่ยมในโรงงานบ่อยๆ พร้อมกับตอบสนองความต้องการในเรื่องต่างๆ เพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยบริษัทมีนโยบายส่งเสริมให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีตั้งแต่ปี 2549 และพัฒนาเรื่อยมาจนได้รับคัดเลือกเป็นองค์กรแห่งความสุขต้นแบบของสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กรสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยพื้นฐานเราเชื่อว่าพนักงานเป็นคนดีอยู่แล้ว แต่อาจถูกหล่อหลอมจากครอบครัว สิ่งแวดล้อม สถานที่ทำงาน ฯลฯ ดังนั้นบริษัทจึงส่งเสริมให้พนักงานมีความสุขมาจากภายใน ด้วยการเป็นคนดี มีจิตสำนึกที่ดี มีความรับผิดชอบและมีความกตัญญู

ผู้บริหารของบริษัทเจ.เอช.อุตสาหกรรม จำกัด ยังได้กล่าวถึงรูปแบบการจ้างงานผู้สูงอายุของบริษัทเพิ่มเติมว่า     บริษัทกำหนดให้พนักงานเกษียณอายุ55 ปี แต่ก็ยืดหยุ่น เพราะมองว่าพนักงานที่อยู่ในสายการผลิตมักมีปัญหาเรื่องสุขภาพและการปรับตัวต่อเครื่องจักรสมัยใหม่ อย่างไรก็ตามถ้าพนักงานสามารถทำงานต่อได้ บริษัทก็จะให้ทำงานต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ลดค่าจ้างพนักงาน เพราะมองว่าพนักงานเป็นผู้ที่มีความรักและจงรักภักดีต่อองค์กร จึงตอบแทนพนักงานด้วยการจ้างทำงานต่อ ที่จริงอายุ 55 ปียังไม่แก่มากถ้าอยู่บ้านอาจเหงาได้   โดยขั้นตอนในการดำเนินงานนั้น ฝ่ายบุคคลจะแจ้งเตือนไปที่หัวหน้างานที่มีพนักงาน 55 ปีว่าพนักงานจะทำงานต่อไปหรือไม่ และให้หัวหน้างานประเมินว่าพนักงานมีศักยภาพหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าพนักงานยังประสงค์จะทำงานต่อ หัวหน้างานจะปรับงานให้พนักงานตามความเหมาะสม เช่น เปลี่ยนจากการทำงานกับเครื่องจักร เป็นไปทำงานในหน่วยงานทั่วไป งานเย็บกระสอบ แยกกระสอบ สวมถุงใน เป็นต้น

ดร.วิภาภรณ์ ยังได้ยกตัวอย่างการจ้างงานของผู้สูงอายุให้เราฟังเติมว่า “กรณีของน้าประจักษ์ และน้าประสิทธิ์ ซึ่งทำงานในสายการผลิต หัวหน้างานประเมินว่า น้าทั้ง 2 ชรามากแล้ว จะทำงานหนักด้วยการยกกระสอบเหมือนเดิมไม่ได้ จึงทำความเข้าใจกับน้าทั้ง 2 ว่า ไม่ได้โยกย้ายงานเพราะน้าทำงานไม่มีประสิทธิภาพ แต่ในอนาคตเป็นห่วงสุขภาพ ประกอบกับบริษัทกำลังทำระบบ GMP จึงต้องการพ่อบ้านเพื่อทำความสะอาด และข้อดีคือ ไม่ต้องเข้ากะ ไม่มีหัวหน้างานโดยทำงานขึ้นตรงกับรองผู้จัดการฝ่ายโรงงานเลย และบริษัทไม่ได้ลดค่าแรงด้วย” ผู้บริหารของบริษัทเจ.เอช.อุตสาหกรรม จำกัดระบุ

แม้ว่าบริษัทจะกำหนดให้พนักงานเกษียณอายุตอนอายุ 55 ปี แต่พนักงานกลับตอบไปในทิศทางเดียวกันว่า ถ้าบริษัทให้ทำงานต่อพนักงานก็พร้อมที่จะทำต่อ แต่ถ้าให้หยุดทำตนเองก็หยุดเพราะมีแผนที่จะทำอย่างอื่นแล้ว ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าบริษัทไม่มีสวัสดิการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แต่พนักงานส่วนใหญ่ออมเงินเพื่อไว้ใช้หลังเกษียณอายุด้วยตนเอง ทั้งนี้อาจเกิดจากการอบรมเรื่องเงินออมที่จัดทุกปี และสอดแทรกในที่ประชุมต่างๆ เช่น มอนิ่งทอร์ค การพูดคุยระหว่างหัวหน้างานและพนักงาน โดยผู้บริหารจะเน้นย้ำให้หัวหน้างานดูแลและส่งเสริมค่านิยมในการออมเงินให้พนักงาน

b

สำหรับการการเตรียมพนักงานเกษียณอายุ     บริษัท เจ.เอช.อุตสาหกรรม จำกัดเตรียมความพร้อมของพนักงานเพื่อเกษียณอายุ 2 ด้านหลักได้แก่ด้านสุขภาพ (ทั้งร่างกายและจิตใจ) และด้านการเงิน ดังนี้   การส่งเสริมให้พนักงานมีความมั่นคงด้านสุขภาพนั้นบริษัทส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ด้านร่างกายมีจุดมุ่งหมายให้พนักงานมีร่างกายที่แข็งแรง และไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ เหล้าและยาเสพติด โดยมีกิจกรรมส่งเสริมให้พนักงานออกกำลังกาย ทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้พนักงานลดพุง ลดโรค ตรวจสุขภาพประจำปี  ด้านจิตใจ มุ่งส่งเสริมให้พนักงานเป็นคนดี มีความกตัญญูและเข้าใจโลกมากขึ้น จึงจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น MIO การพาพนักงานไปปฏิบัติธรรมนอกสถานที่ ทั้งนี้ยังพบว่ากิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับธรรมะ เป็นกิจกรรมที่พนักงานให้ความสนใจและเป็นกิจกรรมที่สร้างความประทับใจแก่พนักงาน

การส่งเสริมให้พนักงานมีความมั่นคงด้านการเงินบริษัทเข้าใจว่า การที่พนักงานมาทำงานต่างต้องการรายได้ นอกจากนี้พนักงานยังมีปัญหาเรื่องหนี้สิน ดังนั้นในแบบสอบถาม หรือแบบสำรวจของบริษัท จึงสำรวจทุกๆ ครึ่งปีจึงมีเรื่องการออมเงินและหนี้สินของพนักงานด้วยด้านรายได้ บริษัทมีสวัสดิการค่าต่อกะ ค่าชำนาญงาน ค่าน้ำมัน โบนัส เบี้ยขยัน ประกันสังคม นอกจากนี้ยังเพิ่มชั่วโมงการทำโอทีจาก 2 ชั่วโมงเป็น 3 ชั่วโมงตามที่พนักงานร้องขอ  นอกจากนี้บริษัทยังมีเงินกู้กรณีพิเศษสำหรับพนักงานเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานไปกู้ยืมเงินนอกระบบ และส่งเสริมให้พนักงานออมเงินด้วยการอบรม และย้ำเตือนบ่อยๆ เพื่อให้พนักงานออมเงิน นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกในการไปฝากเงินให้พนักงานที่ต้องการฝากเงินในธนาคารต่างๆ

หากกล่าวโดยสรุปแล้วการจ้างงานผู้สูงอายุของบริษัท เจ.เอช.อุตสาหกรรม จำกัดหมายถึงการจ้างพนักงานหลังเกษียณอายุ หรือการจ้างงานพนักงานที่มีอายุมากกว่า 55ปีขึ้นไป โดยพิจารณาว่าพนักงานมีความพร้อม หรือมีศักยภาพและร่างกายที่พร้อมทำงาน นอกจากนี้ยังเลือกให้พนักงานทำงานให้เหมาะสมกับอายุ โดยไม่ให้ทำงานหนัก หรืองานที่ต้องใช้แรงงาน ส่วนใหญ่จะให้พนักงานทำงานเช่น งานเย็บกระสอบ แยกกระสอบ สวมถุงใน งานพ่อบ้านแม่บ้าน งานรักษาความปลอดภัย เป็นต้น

นอกจากนี้แล้วผู้บริหารของบริษัทเองมองว่า การจ้างงานเพื่อให้พนักงานมีงานทำและไม่เหงา รวมถึงเพื่อตอบแทนพนักงานที่มีความจงรักภักดีต่อองค์กร สำหรับพนักงานซึ่งส่วนใหญ่อยากทำงานต่อ ต่างเห็นว่าอายุ 55 ปีตนเองยังไม่แก่ รวมถึงต้องการรายได้ ประทับใจต่อผู้บริหาร พนักงาน เพื่อนร่วมงาน กิจกรรมขององค์กรและความภาคภูมิใจที่มีต่อองค์กร

a

อย่างไรก็ตามถ้าถึงวันเกษียณอายุแล้วบริษัทไม่ให้พนักงานทำงานต่อ พนักงานต่างมีแผนรองรับและต่างมีเงินเก็บของตนเอง ซึ่งเป็นความโดดเด่นของบริษัทที่สามารถส่งเสริมให้พนักงานมีเงินออมได้ โดยเทคนิคสำคัญคือ การอบรมการออมเงินและการเน้นย้ำให้พนักงานออมเงิน การอำนวยความสะดวกในการไปฝากเงินที่ธนาคารให้พนักงาน รวมถึงการติดตามด้วยแบบสอบถามทุกๆ ครึ่งปีถึงการออมเงินและปริมาณเงินออมว่าเพียงพอหรือไม่ ด้านการดูแลสุขภาพพนักงาน เน้นการดำเนินการเชิงรุกด้วยการให้พนักงานออกกำลังกาย เลือกรับประทานอาหารที่ถูกต้อง และทำจิตใจให้ผ่องใส มีสติในการดำเนินชีวิตประจำวัน