รายงานการวิจัย: การวิเคราะห์ช่องว่างทางการคลัง แหล่งรายได้ และความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์การเมืองของการจัดตั้งระบบบำนาญแห่งชาติ โดยคำนึงถึงผลกระทบของ COVID-19 ที่มีต่อผู้สูงอายุ

รายงานการวิจัย การวิเคราะห์ช่องว่างทางการคลัง แหล่งรายได้ และความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์การเมืองของการจัดตั้งระบบบำนาญแห่งชาติ โดยคำนึงถึงผลกระทบของ COVID-19 ที่มีต่อผู้สูงอายุ   ผลการวิเคราะห์ข้อมูลลักษณะทางเศรษฐกิจของประชากรผู้สูงอายุและกลุ่มวัย 40-59 ปี ในปี 2563 ซึ่งเป็น “ประชากรรุ่นเกิดหนึ่งล้านคนต่อปี” หรือ กลุ่มสึนามิประชากร มีความเปราะบางต่อความยากจนสูง เพราะส่วนมากไม่มีความสามารถในการออม เมื่อพิจารณาจากรายได้ ค่าใช้จ่าย และหนี้สิน ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ปี 2563 มีผู้สูงอายุยากจนพุ่งขึ้นในหลายจังหวัด และส่วนใหญ่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งระดับเบี้ยยังชีพขั้นต่ำที่จะช่วยผู้สูงอายุกลุ่มยากจนที่สุดให้พ้นจากความยากจนได้ จะต้องไม่ต่ำกว่า 2,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ แม้จะเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบถ้วนหน้า 3,000 บาทต่อเดือน ก็ยังคิดเป็นงบประมาณที่น้อยกว่าระบบบำนาญของเจ้าหน้าที่ภาครัฐในระยะยาว การออกแบบระบบบำนาญแห่งชาติ สามารถพัฒนาระดับมาตรฐานการครองชีพขึ้นไปได้ถึงระดับกึ่งกลางหรือมัธยฐานของครัวเรือนไทยที่ 6,000 บาทต่อเดือน หรือ 200 บาทต่อวัน โดยให้ผู้ทำงานอยู่นอกระบบสามารถทำการออม และให้รัฐบาลร่วมสมทบการออมในสัดส่วนเดียวกัน ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งหมดไม่สูงกว่าระบบบำนาญภาครัฐ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยแหล่งรายได้ที่สำคัญสำหรับระบบบำนาญแห่งชาติ ได้แก่ การขยายฐานภาษี ภาษีฐานทรัพย์สินและการลดนโยบายที่เอื้อให้กับคนรวย (Pro-rich) ซึ่งจะกลายเป็นกลไกสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในสังคมลงได้ โดยคณะผู้วิจัยมีข้อเสนอดังนี้ […]

bua

June 26, 2024

ข้อเสนอเชิงวิชาการ การพัฒนาทักษะการทำงาน (RE-SKILL and UP-SKILL) เพื่อสร้างหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ

การจัดทำข้อเสนอกลไกและแนวทางในการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานสูงอายุนี้ อยู่บนฐานของกรอบด้านยุทธศาสตร์ชาติที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงวัย และการเตรียมรองรับสังคมสูงวัย รวมถึงแผนงานบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัยที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับผู้สูงอายุ และได้ดำเนินการอยู่แล้ว นำโดยกระทรวงแรงงาน โดยมีรายละเอียด ตั้งแต่ในขั้นของการกำหนดนโยบายและแผน ไปจนถึงการสร้างกลไกมารองรับการดำเนินงานตามนโยบายและแผนดังกล่าว ประกอบไปด้วย 5 ข้อเสนอ ดังนี้ ข้อเสนอที่ 1: การพัฒนาแผนระดับชาติเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เช่นเดียวกับที่สิงคโปร์เคยเปลี่ยนแปลงนโยบายและโครงสร้างองค์กรเพื่อขับเคลื่อน FutureSkills ในปี ค.ศ. 2014 ทั้งนี้ ประเทศไทยควรเร่งให้เกิดการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาและยกระดับทักษะแรงงานสูงอายุในฐานะอีกกลุ่มกำลังแรงงานที่สำคัญของประเทศโดยจัดทำ “แผนระดับชาติด้านการพัฒนาและยกระดับทักษะแรงงานสูงอายุ” โดยแผนดังกล่าวจะกำหนดให้การพัฒนาทักษะการทำงานให้กับผู้สูงอายุต้องดำเนินไปควบคู่กับการส่งเสริมการจ้างงานด้วยทั้งในรูปแบบการจ้างงานต่อเนื่อง การจ้างงานใหม่ การประกอบอาชีพอิสระ (ทั้งแบบเต็มเวลาและบางเวลา) และการสร้างผู้ประกอบการสูงอายุ ข้อเสนอที่ 2: การจัดตั้งคณะทำงานแบบ Multi-agency Task Force เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาและยกระดับทักษะผู้สูงอายุแบบบูรณาการและเป็นระบบเดียวกันทั้งประเทศ โดยในโมเดลทดลองเสนอให้มีการจัดตั้ง “คณะทำงานบูรณาการเพื่อพัฒนาและยกระดับทักษะแรงงานสูงอายุ” ซึ่งอาจจะมอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นเจ้าภาพในการตั้งคณะทำงาน หรือจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่เพื่อรับผิดชอบเรื่องการพัฒนาทักษะของแรงงานสูงอายุโดยตรง เช่น สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานสูงอายุ เป็นต้น องค์ประกอบของคณะทำงานในเบื้องต้นควรประกอบด้วย กระทรวงและหน่วยงานภายใต้กระทรวงที่ดำเนินงานภายใต้แผนบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ในด้านส่งเสริมการทำงานของผู้สูงอายุอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันก็ควรบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานอิสระด้านการกำหนดสมรรถนะการทำงาน และสภาวิชาชีพต่างๆ รวมถึงควรมีภาคเอกชนเข้าร่วมด้วยในฐานะเป็นอีกตัวแสดงหลักในการกำหนดทิศทางการพัฒนาทักษะของประเทศ และสามารถเชื่อมโยงความต้องการของนายจ้างกับลูกจ้างได้ ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบของคณะทำงาน มีดังนี้ กระทรวงแรงงาน: […]

bua

November 7, 2022

การเรียนรู้นโยบายการสูงวัยในที่เดิมจากแนวปฏิบัติที่เหมาะสม: การถอดบทเรียนจากประสบการณ์ของประเทศญี่ปุ่นและสิงคโปร์สู่การขับเคลื่อนนโยบาย ด้านการจัดการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทย

“การสูงวัยในที่อยู่อาศัยเดิม” (Ageing in Place) เป็นแนวคิดที่ใช้อธิบายเมื่อบุคคลรู้สึกถึงความมั่นคง (security) และความคุ้นเคย (familiarity) ต่อที่อยู่อาศัยและชุมชนของตัวเอง (Wiles et al., 2012) จนกระทั่งนำไปสู่การตัดสินใจที่จะอยู่อาศัยในบ้านเดิม สภาพแวดล้อมเดิม หรือชุมชนเดิมของตัวเองให้นานที่สุด เท่าที่ความสามารถและวัยจะเกื้อหนุนให้ทำได้ นอกจากนี้ “การสูงวัยในที่อยู่อาศัยเดิม” ยังหมายความรวมถึงความสามารถในการเข้าถึงและได้รับบริการและการสนับสนุนต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อสภาพร่างกายและรูปแบบการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุที่เปลี่ยนแปลงไป (Colello, 2007) ทั้งนี้ เพื่อที่จะสามารถดำรงอัตลักษณ์ (identity) คงความรู้สึกไม่พึ่งพาและเป็นอิสระ (independence and autonomy) รวมถึงรักษาคุณภาพชีวิต (quality of life) ของผู้สูงอายุ แม้ว่าการสูงวัยในที่อยู่อาศัยเดิมเป็นแนวคิดที่มีการกล่าวถึงอย่างกว้างขวางและมีความพยายามที่จะนำไปสู่ปฏิบัติในบางหน่วยงานของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม การสูงวัยในที่อยู่อาศัยเดิมยังคงไม่ใช่แนวทางหลักที่ภาครัฐโดยรวมให้ความสนใจและมุ่งที่จะขับเคลื่อนให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ดังนั้น แนวคิด “การสูงวัยในที่อยู่อาศัยเดิม” ยังคงต้องการการให้ความสำคัญและการผลักดันจากภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่งบประมาณและการลงทุน เพื่อสนับสนุนให้แนวคิดดังกล่าวกลายเป็น “แนวทางหลัก” (mainstream approach) ทั้งในแง่ภารกิจและเป้าหมายต่อการดำเนินงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เพิ่งอ้าง) ดังนั้น การเรียนรู้เชิงนโยบาย (policy learning) เพื่อแปลงแนวคิดและถอดประสบการณ์จากแนวปฏิบัติที่เหมาะสมในต่างประเทศ […]

bua

November 7, 2022

โรงเรียนผู้สูงอายุ : ชุดความรู้ที่มุ่งสู่ภาวะการสูงวัยอย่างมีพลัง

“ชุดความรู้มุ่งสู่ภาวะการสูงวัยอย่างมีพลัง” ได้จัดขึ้นภายใต้ฐานคิดว่า “ไม่มีใครแก่เกินเรียน การเรียนรู้เป็นความพยายามของมนุษยชาติ” ประกอบด้วย 3 ชุดการเรียนรู้ ได้แก่ ชุดการเรียนรู้ที่ 1 ความรู้ที่ผู้สูงอายุต้องรู้ 12 วิชา มีชั่วโมงการสอน 16 ชั่วโมง ชุดการเรียนรู้ที่ 2 ความรู้ที่ผู้สูงอายุควรรู้ 24 วิชา มีชั่วโมงการสอน 12 ชั่วโมง (เลือกวิชาเรียน) ชุดการเรียนรู้ที่ 3 ความรู้ที่ผู้สูงอายุอยากรู้ รายวิชาสามารถกำหนดตามความต้องการของผู้เรียนและผู้จัด แต่กำหนดชั่วโมงการสอน 12 ชั่วโมง โดยมุ่งหวังว่าชุดความรู้นี้จะสามารถสร้างประสบการณ์จากการเรียนเพื่อให้เกิดการเข้าใจตนเอง ผู้อื่น และสังคม การเกิดแรงบันดาลใจอยากเรียนรู้ต่อเนื่องในรูปแบบต่างๆ ภายใต้ความต้องการและความพร้อมของบุคคล เพื่อนำไปสู่การเป็นผู้สูงอายุอย่างมีพลังต่อไป  

bua

November 7, 2022

โครงการย่อยที่ 1 การวิเคราะห์สถานการณ์และการพัฒนาระบบบริการดูแลประคับประคอง ที่มีคุณภาพในโรงพยาบาล

ผลการศึกษา การประเมินคุณภาพของศูนย์ดูแลแบบประคับประคองในโรงพยาบาล พบว่า มาตรฐานโครงสร้างด้านอัตรากำลังเป็นตัวชี้วัดที่แทบทุกโรงพยาบาลไม่ผ่านเกณฑ์ มาตรฐานคุณภาพที่มีคะแนนสูงที่สุดคือ การเข้าถึงยา opioids รองลงมาคือเชื่อมประสานบริการและส่งต่อและการสนับสนุนผู้ดูแล สำหรับมาตรฐาน ที่มีคะแนนน้อยที่สุด คือการดูแลภาวะสูญเสีย รองลงมาคือการลดอุปสรรคการเข้าถึงบริการ นอกจากนี้ตัวชี้วัดด้านการดูแลในภาวะฉุกเฉินและการเข้าถึงแผนดูแลล่วงหน้าของผู้ป่วยยังเป็นจุดที่ต้องการการพัฒนา การประเมินเจตนคติความมั่นใจในการทำงานในทักษะต่างๆ พบว่า ระยะเวลาทำงานมากกว่า 5 ปี และการได้รับการฝึกอบรมระยะยาวหรือกลางมีความสำคัญกับความก้าวหน้าทางวิชาชีพและความมั่นใจในการทำงานสูงเพราะเป็นทักษะเฉพาะที่ต้องได้รับการฝึกฝน หัวข้อที่บุคลากรมีความมั่นใจมากที่สุด คือความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลประคับประคอง สามารถอธิบายหลักการการดูแลประคับประคองและคัดกรองผู้ป่วยที่จะได้รับประโยชน์จากการดูแลและสิ่งที่ต้องการเรียนรู้เพิ่ม คือ การดูแลผู้ป่วยกลุ่มเฉพาะที่เป็นเด็กและตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัวได้อย่างเหมาะสม ทักษะการดูแลแผลแบบเฉพาะ และการจัดการในภาวะวิกฤตและการบริหารยาและให้บริการ 24 ชั่วโมง การศึกษาเชิงคุณภาพ พบว่า การเป็นขั้วตรงข้ามทางความคิดกับการดูแลกระแสหลักซึ่งคือการรักษาตัวโรค (curative treatment) ส่งผลต่อการทำงานร่วมกันระหว่างทีมเจ้าของไข้และทีมดูแลแบบประคับประคอง เพราะการดูแลแบบประคับประคองเป็นการเปิดพื้นที่ทางสังคมให้ผู้ป่วยและญาติได้มีตัวตนในการจัดการความเจ็บป่วยของตนเองแตกต่างจากการเข้าไปจัดการความเจ็บป่วยของผู้ป่วยอย่างสมบูรณ์ สิ่งสำคัญที่ขับเคลื่อนงานคือ การทำงานเชิงเครือข่ายที่ทำให้การดำเนินงานไร้รอยต่อ เชื่อมโยงคนทำงาน พึ่งพาทรัพยากร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายใต้สภาวะความขาดแคลนโดยโรงพยาบาลแม่ข่ายเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างองค์ความรู้ในการทำงานทั้ง hard skills และ soft skills อีกทั้งการประเมินคุณภาพการบริการยังเป็นสิ่งที่คนทำงานให้ความสำคัญ สะท้อนให้เห็นว่าคนทำงานด้านดูแลแบบประคับประคองไม่ได้หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้และพัฒนา  แม้คนทำงานด้านการดูแลประคับประคองจะมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงานเพียงใด แต่การไม่ได้รับการสนับสนุนทั้งด้านความก้าวหน้าทางวิชาชีพและการทำงาน การถูกละเลยจากองค์กรก็ส่งผลต่อสภาพจิตใจของคนทำงานอย่างสูง เป็นความเสี่ยงในการสูญเสียบุคลากรขององค์กร ข้อเสนอแนะ  การจัดโครงสร้างศูนย์การดูแลประคับประคอง จะส่งผลให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรคน เงิน […]

bua

November 7, 2022

โครงการย่อยที่ 2 การพัฒนาต้นแบบการดูแลแบบประคับประคองและผู้สูงอายุระยะท้ายที่บ้าน

ญาติผู้ดูแลให้การดูแลผู้ป่วยระยะท้ายและผู้สูงอายุระยะท้ายที่บ้าน ประกอบด้วย 1) การดูแลด้านร่างกาย 2) การดูแลเรื่องการับประทานยา 3) การดูแลด้านจิตใจ 4) การนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลในภาวะฉุกเฉิน 5) การดูแลความสุขสบายตามความเชื่อ ปัญหาและอุปสรรคในการดูแลระยะท้ายและผู้สูงอายุที่บ้าน สรุปได้ 2 ประเด็นได้แก่ 1) ความไม่มั่นใจในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน และ 2) ค่าใช้จ่ายในครอบครัวสำหรับความต้องการการสนับสนุน ประกอบด้วย 1) การสนับสนุนด้านค่าใช้จ่าย 2) ต้องการได้รับการรักษาที่ดีที่สุด 3) การจัดบริการที่สะดวกและรวดเร็ว 4) การได้รับคำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง 5) การดูแลอย่างต่อเนื่อง 6) การได้รับข้อมูลเกี่ยวกับโรคและแผนการรักษา 7) คนดูแลสลับเปลี่ยนระหว่างไปทำงาน และ 8) สิ่งสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย ผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ควรมีการพัฒนาระบบการดูแลแบบประคับประคองอย่างต่อเนื่องและการดูแลหลังการสูญเสียในชุมชน รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพของผู้ดูแลในการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายที่บ้านและการช่วยเหลือสนับสนุนทางสังคมและเศรษฐกิจ จะช่วยให้ญาติสามารถให้การดูแลผู้ป่วยที่บ้านอย่างต่อเนื่อง    

bua

November 7, 2022

โครงการย่อยที่ 3 การวิเคราะห์สถานการณ์และการพัฒนาบริการการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองในชุมชนโดยใช้แนวคิดการสาธารณสุขมูลฐาน

การทำงานแบบประคับประคองโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ของระบบสุขภาพอำเภอดำเนินการในประเด็น 1) การเตรียมกำลังคนด้านสุขภาพเกี่ยวกับบริการแบบประคับประคองในโรงพยาบาลชุมชน 2) การสื่อสารของทีมสุขภาพที่ทำงานเกี่ยวกับบริการแบบประคับประคองในระบบสุขภาพอำเภอ 3) การอบรมอาสาสมัครในชุมชน 4) ระบบการทำงานบริการแบบประคับประคองตามบริบทของพื้นที่ (การค้นหาผู้ที่ต้องการบริการแบบประคับประคองในชุมชน การประเมิน การวางแผน การนำแผนไปปฏิบัติ และการประเมินผล) 5) การทำงานของบริการแบบประคับประคองกับกองทุนการดูแลผู้ป่วยระยะยาวในพื้นที่ 6) การบริหารจัดการยากลุ่ม opioid 7) การบริหารอุปกรณ์ และ 8) การดูหลังเสียชีวิต ข้อเสนอแนะในการจัดบริการแบบประคับประคองในชุมชน โดยควรมีการค้นหาผู้ที่ต้องการบริการแบบประคับประคองในชุมชนของอาสาสมัครภาคประชาชนที่ได้รับการอบรม มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนของการทำงานร่วมกับภาคท้องถิ่น ภาคสาธารณสุข และภาคประชาชน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการแบบประคับประคองได้ตั้งแต่ในระยะแรก  

bua

November 7, 2022
1 2 3 17