นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเปิดรับสมัครผู้จัดการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ทันทีหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้าเห็นชอบให้เดินหน้ากองทุน โดยพร้อมรับโอนสมาชิกจากกองทุนประกันสังคมตามมาตรา 40 (3) ประมาณ 1 ล้านราย มาเป็นสมาชิก กอช. ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจ เนื่องจากกองทุนตามมาตรา 40 จะไม่เปิดรับสมาชิกทำให้ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม
“มั่นใจว่ากอช.จะได้รับความสนใจอย่างมาก เมื่อเทียบกับกองทุนตามมาตรา 40 เนื่องจากตามกฎหมาย รัฐบาลจะค้ำประกันผลตอบแทนให้กับสมาชิก กอช. ทุกคน โดยคิดคำนวณอัตราผลประโยชน์ให้ไม่ต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน เฉลี่ยของธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารพาณิชย์ใหญ่อีก 5 แห่ง เพื่อให้มีเงินออมเพียงพอภายหลังจากที่เกษียณ”นายกฤษฎากล่าว
นายกฤษฎากล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าการดำเนินการกองทุน กระทรวงการคลังจะเป็นผู้บริหารเอง หรือจะปล่อยให้การดำเนินงานเป็นแบบกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่มีสำนักงานบริหารภายนอกรวมถึงจะเปิดให้ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.มาดูแลระบบรับขึ้นทะเบียนหรือไม่ เพื่อให้ตัวกองทุนเองมีหน้าที่นำเงินออมไปบริหารลงทุนเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจจะบริหารเอง หรือว่าจ้างบริษัทจัดการหลักทรัพย์มาช่วยบริหาร
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2558 จะมีเม็ดเงินจัดตั้งกองทุนเฉลี่ยที่ 600-700 ล้านบาท แต่หากมีประชาชนให้ความสนใจมาออมเงินกับกองทุนมากกว่าที่คาดก็จะของบประมาณเพิ่มเติม คาดว่าต่อปีจะอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท
สำหรับ กอช.จะมีโครงสร้างตามกฎหมายเดิมที่กำหนดให้แรงงานนอกที่อายุ 15 ปี ขึ้นไป สามารถสมัครเป็นสมาชิก กอช. ได้ โดยจ่ายสมทบขั้นต่ำ 50 บาท แต่ต้องไม่เกินปีละ 1.32 หมื่นบาทต่อปี โดยรัฐบาลจะจ่ายสมทบให้ตามอายุของสมาชิก ตั้งแต่ 15-30 ปี รัฐสมทบ 50 บาท แต่ไม่เกิน 600 บาทต่อปี อายุ 30-50 ปี รัฐสมทบ 80 บาท แต่ไม่เกิน 960 บาทต่อปี อายุ 50 ปีขึ้นไป รัฐสมทบ 100 บาท ไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี
นายกฤษฎา กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการจัดตั้งบริษัทสินเชื่อรายย่อย หรือนาโนไฟแนนซ์ ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาบริษัทที่ให้ความสนใจเข้ามาสมัคร ซึ่งยังอยู่ในชั้นกระบวนการตรวจสอบอยู่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ข้อมูล ณ วันที่ 27 ก.พ. 2558 ขอบคุณ http://www.naewna.com/business/146671