“ภาวะสมองเสื่อม” ป่วยเพิ่มปีละ 1 แสนราย สถิติ ชี้ ร้อยละ50 ของผู้สูงวัย80ขึ้นไปมีอาการ ต้องพึ่งพาผู้อื่นดำรงชีวิต ทำคนดูแลซึมเศร้าถึง 1ใน3
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบก้าวกระโดด โดยมีประชากรเข้าสู่วัยสูงอายุกว่าปีละล้านคน
สิ่งที่ตามมาคือการรับมือกับการดูแลประชากรที่อยู่ในวัยสูงอายุโดยเฉพาะการดูแลสุขภาพอนามัย
“ภาวะสมองเสื่อม” เป็นอาการที่จะเกิดขึ้นในผู้สูงอายุส่วนใหญ่ โดยพบว่าประชากรสูงอายุในประเทศไทยมีจำนวนของภาวะสมองเสื่อมโดยเฉลี่ยร้อยละ 2 ถึง 10 ซึ่งเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โอกาสที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อมก็มากขึ้น
ในปี 2558 พบผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่งประมาณ 6 แสนคน โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 100,000 รายต่อปี ประมาณการณ์ว่าในปี 2573 จะมีผู้สูงอายุป่วยเป็นอัลไซเมอร์เพิ่มสูงขึ้นเป็น 1,177,000 คน โดยผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนในการเป็นโรคนี้ประมาณร้อยละ 5 -8 และเมื่อมีอายุ 80 ปีสัดส่วนของการเป็นโรคอัลไซเมอร์สูงถึงร้อยละ 50
“ภาวะสมองเสื่อม” คือ ภาวะที่สมองเกิดการสูญเสียหน้าที่ในการทำงานหลายๆด้านพร้อมกันอย่างช้าๆแต่ถาวร ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาด้านความจำ การรู้คิดการตัดสินใจ จนส่งผลให้เกิดการรบกวนการดำเนินชีวิตประจำวัน รวมถึงปัญหาด้านพฤติกรรม และอารมณ์ร่วมด้วย เช่น มีพฤติกรรมก้าวร้าว อาการกระสับกระส่าย อาการหวาดระแวงและหลงผิด
ภาวะสมองเสื่อมมาจาก 2 สาเหตุ คือ เกิดจากความเสื่อมสลายของเซลล์ประสาท สำหรับสาเหตุแรกนั้นมีหลายโรคที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ได้แก่ อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน โดยเฉพาะโรคอัลไซเมอร์ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของภาวะสมองเสื่อมในประเทศต่างๆทั่วโลก ส่วนอีกสาเหตุ คือ ไม่ได้เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ประสาทโดยตรง เช่นภาวะในช่วงสมองขยายใหญ่จากน้ำเลี้ยงสมองคั่ง การเกิดอุบัติเหตุ การได้รับสารพิษบางชนิด และสาเหตุจากหลอดเลือดสมองมีความผิดปกติ ซึ่งถือเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด
โดยภาวะสมองเสื่อมไม่สามารถรักษาให้หายขาด หลังเกิดอาการผู้ป่วยจะต้องใช้ชีวิตในภาวะทุพพลภาพยาวนาน 10-20 ปีโดยผู้ป่วยสมองเสื่อมจะต้องพึ่งพาผู้ดูแลในการดำรงชีวิต ดังนั้น “ภาวะสมองเสื่อม” ไม่ได้มีผลกระทบแค่ต่อตัวผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อผู้ดูแลและคนรอบข้างซึ่งมีจำนวนใกล้เคียงกับผู้ป่วย โดยคนเหล่านี้ได้รับผลกระทบทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจและสังคม
อีกทั้งยังส่งผลย้อนกลับไปสู่ตัวผู้ป่วยให้ได้รับคุณภาพการดูแลที่ไม่ดีและอาจถึงกับตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการถูกกระทำทารุณกรรมได้ จนนำไปสู่การเรียกภาวะสมองเสื่อมว่า”โรคครอบครัว” เพราะสมาชิกในครอบครัวมากกว่าร้อยละ 50 ของคนที่ดูแลผู้ป่วยเป็นบุตร และร้อยละ 5 - 11 เป็นคู่สมรส คนเหล่านี้จะกลายเป็นบุคคลสำคัญที่รับหน้าที่ดูแล แต่ในขณะเดียวกันไม่ได้รับข้อมูลในการดูแลที่ถูกต้อง อีกทั้งมักจะไม่สามารถปรับตัวได้กับสภาวะอารมณ์และพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจากภาวะสมองเสื่อม ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และมีแนวโน้มที่แย่ลงไปเรื่อยๆจนส่งผลกระทบต่อทั้งสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ดูแล ทำให้ผู้ดูแลอาจกลายเป็นผู้ป่วยที่ถูกมองข้าม โดยมีข้อมูลระบุว่าผู้ดูแลผู้สูงอายุประมาณ 1 ใน 3 มีปัญหาซึมเศร้าและร้อยละ 5-10 ป่วยด้วยโรควิตกกังวล
**ขอบคุณข้อมูลจาก “ข้อมูลเพื่อพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย : การจัดระบบบริการสุขภาพเพื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม โดย น.ส.อภิญญา ตันทวีวงศ์
รอติดตามอ่านต่อภาวะสมองเสื่อมตอนที่2 : 3ระบบดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมในไทย มส.ผส.จับมือภาคีเครือข่าย นำร่องพัฒนาผู้ป่วยแบบไร้รอยต่อเร็วๆนี้