3ระบบดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมในไทย “มส.ผส.” จับมือภาคีเครือข่าย นำร่องพัฒนาผู้ป่วยแบบไร้รอยต่อ

3ระบบ​ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมในไทย​ “มส.ผส.” จับมือภาคีเครือข่าย นำร่องพัฒนาผู้ป่วยแบบไร้รอยต่อ​

ปรากฏการณ์สึนามิประชากรที่เข้าสู่วัยกลางคนกว่าปีละล้านคน​ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุที่สมบูรณ์​

จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ​ “ภาวะสมองเสื่อม” ซึ่งเป็นอาการที่จะเกิดขึ้นในกลุ่มผู้สูงวัย​ คือปัญหาใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทยเช่นเดียวกัน​  โดยนอกจากจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยและคุณภาพชีวิตของคนในครอบครัว​ หรือ​ผู้ดูแล​แล้ว​ ยังกระทบต่องบประมาณที่จะต้องใช้ในการดูแลรักษาจำนวนมากในระยะยาวด้วย

สำหรับระบบที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมในประเทศไทยในขณะนี้มี 3 ส่วน

“ระบบหลัก” การจัดการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมยังขาดเจ้าภาพหลัก​ แต่มีลักษณะกระจายความรับผิดชอบไปตามหน่วยงานที่มีภารกิจที่เกี่ยวข้อง​ ไม่ว่าจะเป็นกรมสุขภาพจิต  กรมกิจการผู้สูงอายุ แต่จากการวิจัยพบว่ายังไม่เกิดความร่วมมือที่ประสานกันเป็นเนื้อเดียวเนื่องจากขาดแนวทางนโยบายในการจัดการกับปัญหาผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน ​

“ระบบนำร่อง”  เป็นการพัฒนาระบบดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมแบบไร้รอยต่อ​  โดยความร่วมมือกันของกรมการแพทย์​ ก.สาธารณสุข​ สมาคมผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม​ คณะแพทย์ศาสตร์​ โรงพยาบาลรามาธิบดี​ มหาวิทยาลัยมหิดล​ มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย​(มส.ผส.)​ ชมรมพยาบาลผู้ป่วยสมองเสื่อมแห่งประเทศไทย​ และภาคีเครือข่ายการทำงานในพื้นที่และสถานบริการ​ ได้ร่วมกันพัฒนาพื้นที่ต้นแบบระบบดูแลรักษาผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม​ 4​ แห่ง

ประกอบไปด้วย โรงพยาบาลบ้านฝาง​ จังหวัดขอนแก่น​ ศูนย์แพทย์ชุมชนเมืองจอหอ​, โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา​จังหวัดนครราชสีมา,​ โรงพยาบาลลำสนธิ​ จังหวัดลพบุรี และโรงพยาบาลคีรีรัฐนิคม​ จังหวัดสุราษฎร์ธานี​ เพื่อทำให้เกิดระบบการดูแลที่มีการเชื่อมโยงกันตั้งแต่การเข้ามามีบทบาทในการคัดกรองผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม​ จนถึงการส่งต่อไปรักษาโรงพยาบาล​ระดับตติยภูมิ​ และการดูแลต่อเนื่องในระยะยาว​

โดยเป้าหมายคือ​ให้ ผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมได้รับการดูแลที่ไม่ขาดตอนจนจบซึ่งตลอดทั้งกระบวนการ

ในปัจจุบันมีการขยายโมเดลการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมไปแล้ว 9 เขตพื้นที่​ จาก 13 เขตของประเทศไทยคาดว่าในปีนี้จะแล้วเสร็จทั้ง 13 เขต​

 

ขณะเดียวกันในส่วนขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นโดยเฉพาะในระดับตำบลและในระดับอำเภอ​ ได้อำนวยความสะดวกในการเข้ารับบริการจากสถานบริการสาธารณสุข​ เช่น​ จัดให้มีรถรับส่งบริการให้แก่ผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมในการพบแพทย์​ การมีอาสาสมัครในการช่วยดูแลสอดส่องค้นหาและสังเกตผู้สูงอายุในพื้นที่​ หรือเฝ้าระวังการสูญหายของผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม

สิ่งเหล่านี้จึงนับเป็นกลไกที่ช่วยขับเคลื่อนและประสานระบบในการดูแลรักษาผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมที่ไร้รอยต่อ​ ให้มีความสมบูรณ์และไร้ช่องว่างอย่างแท้จริง​

 “ระบบสนับสนุนแบบไม่เป็นทางการ” ​ เช่น​  จัดอบรมจะทำ Facebook เพื่อเปิดให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่กลุ่มผู้ดูแลที่ไม่สามารถเข้ารับคำปรึกษาได้​ รวมถึงคนหลายสายด่วนที่ให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ​  ของสมาคมผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม​​คณะแพทย์ศาสตร์​ โรงพยาบาลรามาธิบดี​ มหาวิทยาลัยมหิดล​ ที่จัดให้มีระบบสนับสนุนความรู้และพัฒนาเครือข่ายของบุคลากรสาธารณสุขกับผู้ป่วยสมองเสื่อม

รวมไปถึงการจัดทำแอพพลิเคชั่นที่ให้ข้อมูลในการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมในเบื้องต้น​ และมีช่องทางในการให้ความช่วยเหลือ​ และให้คำปรึกษาผ่านทางแอพพลิเคชั่น ของสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ​ กรมการแพทย์​  แต่พบว่ายังมีกลุ่มผู้ดูแลและประชาชนจำนวนน้อยที่ได้รับข้อมูลข่าวสารและเข้าถึงช่องทางในการให้ความช่วยเหลือดังกล่าว

**ขอบคุณข้อมูลจาก “ข้อมูลเพื่อพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย : การจัดระบบบริการสุขภาพเพื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม โดย น.ส.อภิญญา ตันทวีวงศ์

**อ่านต่อภาวะสมองเสื่อมตอนที่3 :  เทียบมาตรการดูแลผู้สูงวัยในภาวะสมองเสื่อม ไทย –ต่างประเทศเร็วๆนี้