เทียบมาตรการดูแลผู้สูงวัยในภาวะสมองเสื่อม ไทย –ต่างประเทศ
ประเทศไทยยังคงขาดแนวทางนโยบายในการจัดการปัญหาของผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนขณะเดียวกันยังพบว่ามีช่องว่างในระบบจัดการปัญหา โดยเสียงสะท้อนผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรด้านสาธารณสุข ผู้ดูแลผู้ป่วย ต่างเห็นร่วมกันว่า ระบบสาธารณสุขเพื่อดูแลผู้ป่วย ยังขาดเครื่องมือและระบบคัดกรองสมองเสื่อมที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบบริการระดับปฐมภูมิ ,ไม่มีการจัดการหรือหน่วยอำนวยการกลาง, ศักยภาพด้านบุคลากรไม่เพียงพอ ,ขาดการดูแลรักษาที่ครอบคลุมอย่างต่อเนื่อง และไม่มีระบบสารสนเทศช่วยบริหารจัดการขาดความรู้ความเข้าใจ
นอกจากนี้ยังพบว่าระบบสนับสนุนการดูแลผู้ป่วย ขาดความรู้ความเข้าใจ ไม่มีคำปรึกษาการให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที หรือ สนับสนุนในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น ผู้ดูแลที่มีความรู้แบบว่าจ้างทางระยะยาวและชั่วคราว การเดินทางไป-กลับโรงพยาบาล รวมไปถึงการมีกิจกรรมรองรับด้านสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตโดยรวม
ในขณะเดียวกันในหลายประเทศทั่วโลกต่างมีนโยบายยุทธศาสตร์ และแนวทางการดูแลผู้ที่มีสภาวะสมองเสื่อมที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น “ฟินแลนด์” มีแผนงานแห่งชาติด้านความทรงจำ ซึ่งแผนงานดังกล่าววมีหน้าที่สนับสนุนหน่วยงานท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภาวะด้านสุขภาพที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ
“เดนมาร์ก” มีแผนปฏิบัติการระดับชาติปี 2025 โดยมีเป้าหมายเพื่อดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมอย่างครอบคลุม
“เนเธอร์แลนด์” มีแผน Delta สำหรับผู้ป่วยสมองเสื่อม มีจุดหมายเพื่อให้ผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมและครอบครัวสามารถมีชีวิตอยู่กับภาวะสมองเสื่อมได้อย่างไม่มีอุปสรรค
“ออสเตรเลีย” มีกรอบแนวทางในการปฏิบัติการด้านผู้มีภาวะสมองเสื่อมระดับชาติ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมและผู้ดูแล
“เกาหลีใต้” มีแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติระยะ 5 ปี เพื่อบริหารจัดการภาวะสมองเสื่อมเน้นเรื่องของระบบประกันสุขภาพและการวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมอย่างรวดเร็ว
“ญี่ปุ่น” มีแผนยุทธศาสตร์ “New Orange Plan” โดยสัมพันธ์กับระบบการดูแลผู้ป่วยแบบบูรณาการ มุ่งเน้นในประเด็นที่จำเป็นที่จะทำให้ผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมมีชีวิตอยู่อย่างน่าพึงพอใจในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย และทำให้ผู้ป่วยอยากมีชีวิตยืนยาวตามที่ควรจะเป็น พร้อมส่งเสริมสังคมสูงวัยและสังคมที่เป็นมิตรกับผู้ป่วยสมองเสื่อม
“สก็อตแลนด์” ให้ความสำคัญในการทำให้ผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม และผู้ดูแลสามารถเข้าถึงตั้งแต่การวินิจฉัยที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มีระบบสนับสนุนการดูแลผู้ป่วยที่ครอบคลุมตั้งแต่มีอาการจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต
“อังกฤษ” มีแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี โดยพัฒนาระบบบริการสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมและผู้ดูแลที่เหมาะสมสำหรับศตวรรษที่ 21 โดยมุ่งเน้นบริการที่เหมาะสมกับทุกคนโดยไม่มีข้อจำกัดทางด้านอายุชาติพันธุ์หรือฐานะ
“สหรัฐอเมริกา” มีกฎหมายระดับชาติด้านอัลไซเมอร์มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแผนยุทธศาสตร์ชาติ แบบบูรณาการอย่างยั่งยืนเพื่อเอาชนะภาวะสมองเสื่อม สนับสนุนการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์และสนับสนุนบริการที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการพัฒนาแนวทางการรักษาการป้องกัน และการชะลออาการของโรคอัลไซเมอร์ ส่งเสริมการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการดูแลรักษาที่มีประสิทธิภาพ ลดความเหลื่อมล้ำที่มีผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์และประสานความร่วมมือกับต่างประเทศในการดูแลต่อสู้โรคอัลไซเมอร์ในระดับสากล
“ฮ่องกง” แม้ว่าจะไม่มีแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติที่เป็นทางการ แต่มีการดำเนินการโครงการย่อย โดยเน้นให้ความช่วยเหลือสนับสนุนครอบครัวและผู้ดูแลผู้ป่วยเป็นหลักร่วมกับระบบรัฐสวัสดิการที่ครอบคลุม
โดยฮ่องกงมีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุตั้งแต่ปี 2520 แม้ว่าในปัจจุบันฮ่องกงจะยังไม่มียุทธศาสตร์ระดับชาติที่รับมือเกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อมโดยตรง แต่ภาครัฐมีความพยายามให้ความช่วยเหลือชุมชน โดยมีการจัดบริการดูแลระยะยาวที่มีประสิทธิภาพร่วมกับการพัฒนาดูแลแบบรายวันสำหรับผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม
ขณะที่ “จีน” ที่มีเป้าหมายในการสร้างชุมชนที่เป็นมิตรกับผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม
โดยนโยบายในประเทศต่างๆถูกนำมาประมวลเป็นเพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับประเทศไทย ภายใต้เป้าหมาย คือ แนวทางการรับมือกับการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อนำไปสู่การสร้างสุขภาวะที่ดีสำหรับผู้มีภาวะสมองเสื่อมและผู้ดูแล
อ่านต่อตอนต่อไป : เปิดข้อเสนอเชิงนโยบายสาธารณะ ยกระดับกลไกจัดการ ผู้มีภาวะสมองเสื่อม ในสังคมผู้สูงวัย ให้ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและเป็นมิตร
** ขอบคุณข้อมูลจาก “ข้อมูลเพื่อพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย : การจัดระบบบริการสุขภาพเพื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม โดย น.ส.อภิญญา ตันทวีวงศ์