อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ยืนยัน ไม่ถังแตก โอนเบี้ยยังชีพคนชราภายใน 22 กย.นี้ ชี้ ปัญหาจากคาดการณ์จำนวนผู้สูงอายุคลาดเคลื่อน เพราะ คนไทยอายุยืนขึ้น
วันที่ 10 ของทุกเดือน “เบี้ยยังชีพคนชรา” จะถูกโอนเข้าบัญชีของผู้สูงวัยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปแต่ปรากฎว่าในวันที่ 10 กันยายน 2563 เบี้ยคนชราไม่ถูกโอนเข้าบัญชีของผู้สูงอายุ!
อย่างไรก็ตามนางสาววิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามขั้นตอนการดำเนินการ กรมบัญชีกลางจะต้องตรวจสอบงบประมาณ เพื่อเบิกจ่ายให้ผู้มีสิทธิตามปฏิทินการจ่าย แต่เมื่อตรวจสอบงบประมาณในเดือนกันยายน 2563 พบว่าไม่เพียงพอ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจึงต้องจัดสรรเพิ่ม กรมบัญชีกลางจึงจะสามารถจ่ายได้
รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ยังระบุด้วยว่า กรมบัญชีกลางห่วงใยและเข้าใจในความจำเป็นของผู้มีสิทธิ ดังนั้นเมื่อกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้รับงบประมาณเรียบร้อยแล้ว กรมบัญชีกลางจะดำเนินการจ่ายให้ผู้มีสิทธิอย่างเร่งด่วนต่อไป (ภายในเดือน กันยายน 2563) พร้อมกันนี้ขอให้ติดตามข่าวจาก facebook กรมบัญชีกลาง อย่างใกล้ชิด หรือ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง 02 270 6400 ในวันเวลาทำการ
ขณะที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยนายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กรณีการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเงินเบี้ยความพิการให้คนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประจำเดือน กันยายนมีความจำเป็นต้องเลื่อนการจ่ายเงินออกไป กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณจากรายการอื่นมาจ่ายเป็นเงินเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุแล้ว โดยจะเร่งรัดจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในวันอังคารที่ 22 กันยายนนี้
“ขออย่ากังวลใจยืนยันว่า คุณลุงคุณป้าจะได้รับเบี้ยยังชีพภายในวันที่ 22 กันยายนนี้แน่นอน ส่วนที่วันนี้ไม่ได้เพราะปัญหามาจากจำนวนผู้สูงอายุ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ทำให้งบประมาณที่ขอไว้กับสำนักงบประมาณไม่เพียงพอ แต่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้โยกงบประมาณของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในส่วนอื่นมาเรียบร้อยแล้ว รอแต่ให้กรมบัญชีกลางดำเนินการทางเทคนิคให้เท่านั้น ยืนยันไม่ได้ถังแตก” อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นระบุ
สำหรับจำนวนงบประมาณเบี้ยผู้สูงอายุในเดือนกันยายนนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะต้องจัดสรรเป็นเบี้ยยังชีพให้กับคนชราจำนวนกว่า 4800 ล้านบาท ส่วนคนพิการ 140 ล้านบาท
ที่มา https://www.facebook.com/Posttoday/videos/2773807922832730/?vh=e&extid=aPmaL2RF72Yuz1u3&d=n