นักวิชาการหนุน สินเชื่อที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุ ทางออกยามไร้เงินออม เมื่อตอนแก่เฒ่า

นักวิชาการหนุน สินเชื่อที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุ ทางออกยามไร้เงินออม เมื่อตอนแก่เฒ่า

มีผู้สูงอายุถึงร้อยละ 70 ไม่มั่นใจว่ามีเงินออมเพียงพอสำหรับอนาคตหรือไม่ขณะเดียวกันผู้สูงอายุเกือบร้อยละ 40 หวังพึ่งรายได้จากลูกหลานในการดำรงชีพ สิ่งเหล่านี้เป็นข้อค้นพบในการวิจัยของ รศ.ดร.สันติ ถิรพัฒน์ คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ที่เปิดเผยใน เวทีขับเคลื่อนนโยบายผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการจัดการทรัพย์สินผู้สูงอายุไทย โดยการสนับสนุนของสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.)

รศ.ดร.สันติ ได้ให้ข้อเสนอแนะเป็นแนวทางในการจัดการทรัพย์สินของผู้สูงอายุเอาไว้ว่า ผู้สูงอายุมีความต้องการในการเรื่องของการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สิน แต่ประเด็นที่สำคัญคือจะให้คำปรึกษาได้อย่างไร เพราะส่วนหนึ่งผู้สูงอายุต้องการความเป็นส่วนตัวสูง และเลือกที่จะปรึกษาเฉพาะลูกหลานหรือคนในครอบครัวเท่านั้น ดังนั้นสิ่งสำคัญไม่ใช่การที่รัฐจัดตั้งหน่วยงานมาให้คำปรึกษา แต่เป็น “ให้มีการเข้าถึง” การให้คำปรึกษาแก่ผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ไม่ควรให้การช่วยเหลือผู้สูงอายุเป็นลักษณะ “one-size-fit all” ที่เป็นนโยบายใช้ในทุกสถานการณ์ มีการการสั่งลงมาจากส่วนกลางแล้วให้หน่วยงานลงไปทำ เพราะผู้สูงอายุทุกคนมีรายละเอียดความต้องการ และเงื่อนไขที่แตกต่างกันดังนั้นรัฐจะต้องเน้นบทบาทของชุมชน เพราะแต่ละชุมชนจะมีความเข้าใจผู้สูงอายุในแต่ละชุมชนที่แตกต่างกันอยู่โดยต้องมีนโยบายให้ชุมชนหรือองค์กรชุมชนที่เข้มแข็งอยู่แล้วในการจัดการทรัพย์สินของผู้สูงอายุในพื้นที่

ส่วนแนวทางของ “Home Equity Extraction” หรือ สินเชื่อที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุ ซึ่งพบว่าผู้สูงอายุไทยมีบ้านที่ตัวเองเป็นเจ้าของค่อนข้างมากถึงร้อยละ 70 แต่เป็นทรัพย์สินที่ไม่มีสภาพคล่อง ไม่สามารถนำมาใช้จ่ายได้  ขณะเดียวกันผู้สูงอายุอาจพบปัญหาในเรื่องของการออมด้วย

“ในต่างประเทศมีเครื่องมือทางการเงินที่จะเอาบ้าน มาใช้ในการกินอยู่ได้ ที่ประเทศไทยขณะนี้ก็มีแล้ว แต่คนยังใช้น้อย ดังนั้นวิธีการที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ในอนาคต อาจจะต้องพิจารณาทางเลือกนี้       Home Equity Extraction เพราะภาระทางการคลังของรัฐบาลในที่สุดแล้วคงจะช่วยเหลือผู้สูงอายุมากไม่ได้  ดังนั้นอาจจะต้องใช้กลไกกึ่ง Copay ระหว่างรัฐกับผู้สูงอายุ” รศ.ดร.สันติ ระบุ