เปิดข้อเสนอขับเคลื่อนนโยบาย 80/20 สุขภาพช่องปากเพื่อผู้สูงอายุ ตอนที่7 : เปรียบเทียบสิทธิรักษาฟัน 3 กองทุน
คนไทยกว่า 66 ล้านคน มีหลักประกันด้านสุขภาพภายใต้ 3 กองทุนสุขภาพหลัก คือ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม และระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ หรือสวัสดิการของหน่วยงานต่างๆ โดยสิทธิที่ประชาชนได้รับในการตรวจสุขภาพจากกองทุนและสวัสดิการมีความแตกต่างกันมาก รายงาน “จัดทำข้อเสนอการขับเคลื่อนนโยบาย 8020 สุขภาพช่องปากเพื่อผู้สูงอายุ” โดย ทพญ.ฉวีวรรณ ภักดีธนากุล ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) ได้เปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ทางทันตกรรมประเทศไทย ใน 3 กองทุนสุขภาพ พบความแตกต่างดังนี้
ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ครอบคลุมบริการ ดังนี้
-
ถอนฟันในกรณีปกติ
-
ศัลยศาสตร์ช่องปาก ผ่าฟันคุด
-
อุดฟันทุกชนิด ขูดหินปูน เกลารากฟัน รักษาโรคเหงือก ศัลย์ปริทันต์
-
การครอบฟัน การใส่เดือยฟัน (ต้องควบคู่กับการท้าครอบฟัน)
-
การใส่ฟันปลอมฐานอคริลิค ฟันปลอมฐานโลหะ
-
การตรวจวินิจฉัยสภาพของโรคในช่องปาก รวมทั้งการให้ยาก่อน/หลังการรักษา และการตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา รับบริการได้โดยมีเงื่อนไข เบิกจ่ายได้ตามอัตราราคาที่กำหนด ส่วนที่เบิกไม่ได้
-
เคลือบฟลูออไรด์
ระบบประกันสังคม ครอบคลุมบริการ ดังนี้
- ผู้ประกันตนสามารถใช้บริการทันตกรรมที่สถานพยาบาลใดก็ได้
- การถอนฟันอุดฟันขูดหินปูนและผ่าตัดฟันคุดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริง 900 บาท/ครั้ง/ปี
- กรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้บางส่วนให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์และค่าฟันเทียมเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 1,500 บาทภายในระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันที่ใส่ฟันเทียมนั้นตามหลักเกณฑ์ดังนี้
(ก) 1-5 ซี่ เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 1,300 บาท
(ข) มากกว่า 5 ซี่ เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 1,500 บาท
- กรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้ทั้งปากให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์และค่าฟันเทียมเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 4,400 บาทภายในระยะเวลา 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ใส่ฟันเทียมนั้นตามหลักเกณฑ์ดังนี้
- ฟันเทียมชนิดถอดได้ทั้งปากบนหรือล่างเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 2,400 บาท
ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ครอบคลุมบริการ ดังนี้
- ถอนฟันในกรณีปกติ
- ศัลยศาสตร์ช่องปากผ่าฟันคุด (ยกเว้นการผ่าฟันคุดที่ไม่มีอาการหรือเพื่อการจัดฟัน)
- อุดฟันทุกชนิดขูดหินปูนเกลารากฟันรักษาโรคเหงือกศัลย์ปริทันต์
- การใส่ฟันปลอมฐานอคริลิค
- การตรวจวินิจฉัยสภาพของโรคในช่องปากรวมทั้งการให้ยาก่อน/หลังการรักษาและการตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยารับบริการได้ตามความจำเป็นที่หน่วยบริการประจำโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
จะเห็นได้ว่าผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ไม่มีสิทธิ การตรวจวินิจฉัยสภาพของโรคในช่องปาก เพียงกลุ่มเดียว โดยผู้ประกันตนส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยทำงาน มักจะมาพบทันตแพทย์เมื่อมีอาการ ด้วยภาระงาน และโรคในช่องปากและฟันยังไม่แสดงอาการ ทำให้ละเลยการตรวจสุขภาพช่องปากไป มักจะยอมรับว่าฟันก็ต้องเสียไปเป็นธรรมดาเมื่ออายุมากขึ้น จึงไม่ได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ และเมื่อโรคลุกลามมากการรักษายุ่งยาก ราคาแพงขึ้น ส่งผลให้เกิดสูญเสียฟันอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ ก็จะมีฟันเหลืออยู่น้อยไม่พอสำหรับการบดเคี้ยวที่ดี
ส่วนระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ แม้จะมีสิทธิการตรวจวินิจฉัยสภาพของโรคในช่องปาก แต่ยังจำกัดอยู่ในเฉพาะโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งต้องคอยคิวการรักษาที่ยาวมาก ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการเช่นกัน จึงต้องพิจารณาสิทธิการเข้ารับบริการในคลินิกเอกชน เพื่อส่งเสริมการตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน สิทธิการตรวจสุขภาพในหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า มีอยู่แล้ว ต้องให้มีการยกระดับจาการตรวจปกติ
ผลการศึกษายังระบุถึงสิทธิประโยชน์ทางทันตกรรมในต่างประเทศด้วย โดยพบว่า ประเทศญี่ปุ่น ระบบการดูแลสุขภาพถ้วนหน้าของญี่ปุ่นประชาชนสามารถไปที่คลินิกทันตกรรมใดก็ได้และรับการรักษาในขณะที่ร่วมจ่ายเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล
ส่วนประเทศมาเลเซีย ประสบความสำเร็จ ในด้านการดูแลสุขภาพแบบถ้วนหน้า โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายสูงถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ในการรับบริการที่คลินิกทันตกรรม ในการทำฟันขั้นพื้นฐาน เช่นการขูดหินปูน การครอบฟัน การอุดฟัน และการถอนฟัน โดยจะมีราคาอยู่ระหว่าง 1RM (7.50บาท) ถึง 4 RM (30บาท) เท่านั้น
โดยรายงานฉบับนี้ ยังเสนอให้มีการ ผลักดันกองทุนประกันสังคม ให้เพิ่มสิทธิ์ การตรวจวินิจฉัยสภาพของโรคในช่องปาก ให้สามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากอย่างครอบคลุมในครั้งแรก และการตรวจครั้งต่อไปเป็นระยะ เพื่อให้เท่าเทียมสิทธิอื่น เป็นการตรวจวินิจฉัยเชิงป้องกันปัญหาและผลกระทบจากการสูญเสียฟัน อันจะเป็นเหตุให้เหลือฟันไม่ถึง 20ซี่ ในวัย80 ซึ่งไม่เพียงพอต่อการบดเคี้ยวที่ดี
พร้อมทั้งทบทวนสิทธิการรักษาทางทันตกรรมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เช่น การจำกัดสิทธิในการเลือกโรงพยาบาลของสิทธิข้าราชการ ที่ต้องรอคิวนานในโรงพยาบาลรัฐ และเพิ่มค่าชดเชยให้แก่หน่วยบริการ ตามภาระงานที่เพิ่มรวมถึงรณรงค์ทันตแพทย์ ทันตาภิบาล ให้เข้าร่วมกิจกรรม โดยหน่วยบริการพิจารณาค่าตอบแทนให้ตามสมควร เพื่อเป็นแรงจูงใจด้วย