ทำอย่างไรให้มีงานทำหลังวัยเกษียณ ตอนที่ 5 : เปิดข้อเสนอแนวทางปฏิบัตพัฒนาทักษะการทำงานผู้สูงอายุไทย

ทำอย่างไรให้มีงานทำหลังวัยเกษียณ ตอนที่ 5 :  เปิดข้อเสนอแนวทางปฏิบัตพัฒนาทักษะการทำงานผู้สูงอายุไทย

หนึ่งในความท้าทายของประเทศ คือ การก้าวผ่านสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากร ที่สัดส่วนของประชากรสูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สัดส่วนประชากรวัยเด็ก และวัยแรงงานมีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะเมื่อผู้สูงอายุมีจำนวนมากขึ้น ย่อมเกิดเป็นภาระทางการคลังในการจัดสวัสดิการให้กับผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยผู้สูงอายุ งบประมาณที่ใช้ในการรักษาพยาบาล อีกทั้งยังมีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถเตรียมความพร้อมทางการเงินและการจัดที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมในยามชราภาพได้จึงต้องพึ่งพาสวัสดิการจากรัฐ

แต่ทว่าประชากรวัยแรงงาน ที่จะมาทำหน้าที่ส่งผ่านความกินดีอยู่ดีให้กับผู้สูงอายุกลับมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน  ทำให้ในอนาคตประชากรวัยแรงงานแต่ละคนจะต้องเพิ่มผลิตภาพแรงงานของตนเองขึ้นอย่างน้อยหนึ่งเท่าเพื่อให้รักษามาตรฐานการดำรงชีพของผู้สูงอายุ ดังนั้นการส่งเสริมการทำงานในผู้สูงอายุจึงเป็นแนวนโยบายที่มีความสำคัญยิ่ง

การศึกษาเรื่อง “ข้อเสนอเชิงวิชาการการพัฒนาทักษะการทำงาน (RE-SKILL and UP-SKILL) เพื่อสร้างหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ โดยดร.มนทกานต์ ฉิมมามี และ ดร.ชลธิชา อัศวนิรันดร สถาบันวิจัยสังคม และ วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และดร.ธนานนท์ บัวทอง  คณะสังคมวิทยาลัยและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เสนอต่อมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) ได้การจัดทำข้อเสนอกลไกและแนวทางในการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานสูงอายุ ซึ่งอยู่บนฐานของกรอบด้านยุทธศาสตร์ชาติที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงวัย และการเตรียมรองรับสังคมสูงวัย

รวมถึงแผนงานบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัยที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับผู้สูงอายุ และได้ดำเนินการอยู่แล้ว นำโดยกระทรวงแรงงาน โดยมีรายละเอียด ตั้งแต่ในขั้นของการกำหนดนโยบายและแผน ไปจนถึงการสร้างกลไกมารองรับการดำเนินงานตามนโยบายและแผนดังกล่าว ประกอบไปด้วย 5 ข้อเสนอ คือ

ข้อเสนอที่ 1: การพัฒนาแผนระดับชาติเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เช่นเดียวกับที่สิงคโปร์เคยเปลี่ยนแปลงนโยบายและโครงสร้างองค์กรเพื่อขับเคลื่อน FutureSkills ในปี ค.ศ. 2014

โดยประเทศไทยควรเร่งให้เกิดการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาและยกระดับทักษะแรงงานสูงอายุ ผ่านการจัดทำ “แผนระดับชาติด้านการพัฒนาและยกระดับทักษะแรงงานสูงอายุ”  ซึ่งแผนดังกล่าวจะกำหนดให้การพัฒนาทักษะการทำงานให้กับผู้สูงอายุต้องดำเนินไปควบคู่กับการส่งเสริมการจ้างงานด้วยทั้งในรูปแบบการจ้างงานต่อเนื่อง การจ้างงานใหม่ การประกอบอาชีพอิสระ (ทั้งแบบเต็มเวลาและบางเวลา) และการสร้างผู้ประกอบการสูงอายุ

ข้อเสนอที่ 2: การจัดตั้งคณะทำงานแบบ Multi-agency Task Force เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาและยกระดับทักษะผู้สูงอายุแบบบูรณาการและเป็นระบบเดียวกันทั้งประเทศ โดยในโมเดลทดลองเสนอให้มีการจัดตั้ง “คณะทำงานบูรณาการเพื่อพัฒนาและยกระดับทักษะแรงงานสูงอายุ” ซึ่งอาจจะมอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นเจ้าภาพในการตั้งคณะทำงาน หรือจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่เพื่อรับผิดชอบเรื่องการพัฒนาทักษะของแรงงานสูงอายุโดยตรง เช่น สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานสูงอายุ เป็นต้น

โดยองค์ประกอบของคณะทำงานในเบื้องต้นควรประกอบด้วย กระทรวงและหน่วยงานภายใต้กระทรวงที่ดำเนินงานภายใต้แผนบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ในด้านส่งเสริมการทำงานของผู้สูงอายุอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันก็ควรบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานอิสระด้านการกำหนดสมรรถนะการทำงาน และสภาวิชาชีพต่างๆ รวมถึงควรมีภาคเอกชนเข้าร่วมด้วยในฐานะเป็นอีกตัวแสดงหลักในการกำหนดทิศทางการพัฒนาทักษะของประเทศ และสามารถเชื่อมโยงความต้องการของนายจ้างกับลูกจ้างได้ ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบของคณะทำงาน

เช่น กระทรวงแรงงาน ,กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ,กระทรวงศึกษาธิการ , กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ,กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ,สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สภาและสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ,สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งการพัฒนาทักษะแรงงานจำเป็นต้องอาศัยกลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนร่วมกันออกแบบนโยบายและมาตรการที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาและยกระดับทักษะแรงงานสูงอายุในทุกกลุ่ม และในหลากหลายรูปแบบ

ข้อเสนอที่ 3: การสร้างแพลตฟอร์มแบบูรณาการ (Integrated platform) และระบบฐานข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานสูงอายุแบบครบวงจร เพื่อนำไปสู่การพัฒนาและยกระดับทักษะการทำงานของผู้สูงอายุไทย โดยเน้นออกแบบโครงการ/กิจกรรมบนแพลตฟอร์ม และกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของประชากรสูงวัยในตลาดแรงงาน เช่น ระบบแนะนำการวางแผนอาชีพหลังเกษียณ (post- retirement career counselling) ระบบจับคู่หลักสูตรการฝึกอบรมกับความต้องการของผู้สูงอายุ ระบบจับคู่งานที่ตรงตามทักษะและความสามารถของผู้สูงอายุ

รวมถึงควรมีกระบวนการวัดประเมินผลและการนำเสนอผลเพื่อสะท้อนภาพพัฒนาการของการพัฒนาทักษะผู้สูงอายุ อีกทั้งช่วยกระตุ้นความพยายามในการเรียนรู้ของคนทำงานทั้งในระดับปัจเจกและภาพรวม นอกจากนี้ ควรมีระบบการคัดกรองและประเมินกลุ่มเสี่ยงที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาและยกระดับทักษะแรงงานอย่างเร่งด่วน เช่น กลุ่มเสี่ยงถูกเลิกจ้างเนื่องจากทักษะที่มีอยู่นั้นเริ่มล้าหลังไปแล้ว เป็นต้น

ข้อเสนอที่ 4: การสร้างเครือข่าย/กลุ่มวิจัยเฉพาะ เพื่อผลิตงานวิจัยเป็นฐานในการขับเคลื่อนการพัฒนาและยกระดับทักษะแรงงานสูงอายุ โดยเป็นงานวิจัยที่ใช้เครื่องมือใหม่ในการศึกษา เช่น การวิจัยอนาคต (Futures Research) การวิจัยโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) การวิจัยโดยเก็บข้อมูลระยะยาว (Longitudinal Study) เป็นต้น ส่วนงานวิจัยพื้นฐาน และงานวิจัยแบบถอดบทเรียนความสำเร็จนการพัฒนาทักษะแรงงานสูงอายุ ก็ยังคงต้องมีอยู่ โดยการผลิตงานวิจัยเหล่านี้ รวมถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในอดีตจะถูกรวบรวมไว้ในแพลตฟอร์มกลางที่สร้างขึ้น

นอกจากนี้ควรมีการออกแบบระบบการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนทิศทางการพัฒนาและยกระดับทักษะแรงงานสูงอายุ รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรและรูปแบบการฝึกอบรมสำหรับแรงงานสูงอายุทุกกลุ่ม

ข้อเสนอที่ 5: การกำหนดมาตรการสนับสนุน/อุดหนุนเพื่อสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาและยกระดับทักษะแรงงานสูงอายุ ผ่านกองทุน 3 กองทุน คือ กองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน กองทุนผู้สูงอายุ และ กองทุนผู้รับงานไปทำที่บ้าน

//////////////////////////