ผลวิจัยเผย ผู้สูงอายุในเมืองกรุง มีคุณภาพชีวิตต่ำกว่า ผู้สูงอายุที่ใช้ชีวิตในชนบท
ด้วยสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันระหว่างเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครกับชนบททำให้วิถีชีวิตและความพึงพอใจในสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออาทรผู้สูงวัยในกรุงเทพฯกับชนบทมีความแตกต่างกัน
ด้วยสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันระหว่างเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครกับชนบททำให้วิถีชีวิตและความพึงพอใจในสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออาทรผู้สูงวัยในกรุงเทพฯกับชนบทมีความแตกต่างกัน
ปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ผู้สูงวัยมีพฤฒิพลัง (Active Ageing) ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพื่อที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพเหมาะสมกับวัย นั่นก็คือ “สิ่งแวดล้อมที่เอื้ออาทรต่อผู้สูงวัย” ที่สามารถส่งเสริมและกระตุ้นให้ผู้สูงวัยมีกิจกรรมทางกายภาพและสังคมได้
กำหนดให้นายจ้าง-ลูกจ้าง ร่วมสมทบ ขั้นต่ำร้อยละ 3 ของค่าจ้างเสนอ 2 ทางเลือก รับบำเหน็จ หรือ บำนาญ หลังอายุครบ60 ปี หวัง ผู้สูงวัยมีหลักประกันหลังเกษียณ
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เผย มีกิจการดูแลผู้สูงอายุ ยื่นขอขึ้นทะเบียนตามกฎหมายใหม่ เพียง 100 จาก 3,000 แห่ง ขีดเส้นตาย ต้องขออนุญาตก่อน 25 ก.ค. นี้ ขณะที่ผู้ให้บริการฯ ลงทะเบียนแค่หลักพันจากจำนวน 2.8 หมื่นทั่วประเทศ
ในขณะที่การสูงวัยของประชากรไทยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการลดลงของการเกิดและการตายของคนไทย หนึ่งในปัจจัยสี่ของการดำรงชีวิตอย่าง “ที่อยู่อาศัย” ยังคงเป็นประเด็นที่สำคัญที่ท้าทายคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุไทยในแง่ของความเพียงพอ คุณภาพ และความเหมาะสม
การศึกษาวิจัยเรื่อง การจัดการทรัพย์สินสำหรับผู้สูงอายุไทย เป็นประโยชน์ต่อการจัดการทรัพย์สินของผู้สูงอายุที่มีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผู้สูงอายุมีการออมที่เพียงพอเพื่อดำรงชีพในวัยสูงอายุ และมีผลต่อภาวะทางด้านจิตใจ ซึ่งในที่สุดจะส่งผลต่อสุขภาพและสุขภาวะโดยรวมของผู้สูงอายุ
ปฏิรูประบบบำนาญไทยเพื่อสังคมสูงวัยในอนาคต โดย ศาสตราจารย์ ดร.วรเวศม์ สุวรรณระดา ระบบบำนาญของไทยในปัจจุบันมีหลายระบบย่อยที่มีกฎหมาย หน่วยงานรับผิดชอบ คณะกรรมการกำกับดูแล กฎกติกา และแหล่งที่มาของเงินแตกต่างกัน ระบบมีการคุ้มครองอย่างถ้วนหน้าในส่วนของบำนาญระดับพื้นฐานและบำนาญส่วนเพิ่มอื่น แต่ความครอบคลุมยังจำกัด ความพอเพียงมีเฉพาะประชาชนในบางกลุ่ม ภาระค่าใช้จ่ายด้านบำนาญมีสัดส่วนต่อรายจ่ายจริงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกเหนือจากการปรับปรุงระบบที่เป็นอยู่ ในอนาคตรัฐบาลควรที่จะวางยุทธศาสตร์อย่างบูรณาการ มองผู้รับประโยชน์เป็นศูนย์กลาง และมีคณะกรรมการพิจารณาภาพรวมของระบบ
เสวนา “โควิด-19 VS PM 2.5 กับการดูแลผู้สูงอายุ” แนะทางฝ่าวิกฤตด้วยการ ดูแลสุขภาพ-จิตใจตัวเอง โดยลูก-หลานต้องร่วมหนุนอีกแรง ห่วง ผู้สูงวัยในเมืองได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากกว่าในชนบท
การเสวนาออนไลน์ สูงวัยไปด้วยกันในหัวข้อ”บำนาญแห่งชาติและเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โจทย์เก่าเล่าใหม่” จัดโดย มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุ (มส.ผส.)โดยมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นางศิริลักษณ์ มีมาก ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ , ศ.ศศิพัฒน์ ยอดเพชร นักวิชาการด้านงานผู้สูงอายุ , ศ.ดร.วรเวศม์ สุวรรณระดา คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายสว่าง แก้วกันทา มูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุร่วมเสวนา